ฉ้อโกง
**บทหนักของความผิดฐานฉ้อโกง**
**องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง** มีดังนี้
1. **ผู้กระทําความผิด** บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล
2. **การหลอกลวง** ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง
3. **ผู้ถูกหลอกลวง** คือ บุคคลธรรมดา
4. **ได้ไปซึ่งทรัพย์สิน** หรือ **ทําให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทํา ถอน หรือทําลายเอกสารสิทธิ**
5. **เจตนา** ที่จะหลอกลวงผู้อื่น
6. **มูลเหตุจูงใจ** คือ โดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
**ตัวอย่างการหลอกลวง** เช่น การแสดงข้อความอันเป็นเท็จ เช่น หลอกขายสินค้าว่าเป็นของแท้แต่
เป็นของปลอม หลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ หรือ การปกปิดข้อความจริง เช่น ปกปิด
คุณภาพที่แท้จริงของสินค้า ไม่แจ้งส่วนประกอบที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
**ทรัพย์สิน** ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 138 หมายความรวมถึงทรัพย์สินทั้งที่เป็น
ตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน อสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ สิทธิ เช่น สิทธิเรียกร้อง สิทธิในเครื่องหมายการค้า
ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เป็นต้น
**เอกสารสิทธิ** หมายถึง เอกสารที่ใช้แสดงสิทธิในทรัพย์สิน เช่น โฉนดที่ดิน ใบหุ้น หนังสือสัญญาต่าง ๆ
เป็นต้น
**โดยทุจริต** หมายความว่า ผู้กระทําประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทํานั้น และการ
กระทํานั้นเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
**บทหนักของความผิดฐานฉ้อโกง** ได้แก่ กรณีที่มีการกระทําความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341
ประกอบด้วยลักษณะดังต่อไปนี้
* **แสดงตนเป็นบุคคลอื่น** เช่น แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจ หรือบุคคลอื่น
* **อาศัยความอ่อนแอของจิตใจ** ของผู้ถูกหลอกลวง ซึ่งเป็นเด็กหรือบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิต
**ทั้งนี้ ผู้กระทําความผิดจะต้องมีเจตนาที่จะหลอกลวงผู้อื่น** หากผู้กระทําความผิดไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกลวง
แต่ผู้เสียหายหลงเชื่อเอง จะไม่ถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
**ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน** ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 เป็นอีกกรณีที่จะได้รับโทษ
หนักกว่าความผิดฐานฉ้อโกงปกติ โดยเป็นกรณีที่การหลอกลวงนั้นทําต่อประชาชน ไม่ได้มุ่งหมายเจาะจงไปที่
บุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
**ตัวอย่างการฉ้อโกงประชาชน** เช่น การหลอกขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือ การชักชวนให้ร่วมลงทุน
ในธุรกิจที่ไม่มีอยู่จริง
#ทนายโตน
**องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง** มีดังนี้
1. **ผู้กระทําความผิด** บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล
2. **การหลอกลวง** ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง
3. **ผู้ถูกหลอกลวง** คือ บุคคลธรรมดา
4. **ได้ไปซึ่งทรัพย์สิน** หรือ **ทําให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทํา ถอน หรือทําลายเอกสารสิทธิ**
5. **เจตนา** ที่จะหลอกลวงผู้อื่น
6. **มูลเหตุจูงใจ** คือ โดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
**ตัวอย่างการหลอกลวง** เช่น การแสดงข้อความอันเป็นเท็จ เช่น หลอกขายสินค้าว่าเป็นของแท้แต่
เป็นของปลอม หลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ หรือ การปกปิดข้อความจริง เช่น ปกปิด
คุณภาพที่แท้จริงของสินค้า ไม่แจ้งส่วนประกอบที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
**ทรัพย์สิน** ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 138 หมายความรวมถึงทรัพย์สินทั้งที่เป็น
ตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน อสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ สิทธิ เช่น สิทธิเรียกร้อง สิทธิในเครื่องหมายการค้า
ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เป็นต้น
**เอกสารสิทธิ** หมายถึง เอกสารที่ใช้แสดงสิทธิในทรัพย์สิน เช่น โฉนดที่ดิน ใบหุ้น หนังสือสัญญาต่าง ๆ
เป็นต้น
**โดยทุจริต** หมายความว่า ผู้กระทําประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทํานั้น และการ
กระทํานั้นเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
**บทหนักของความผิดฐานฉ้อโกง** ได้แก่ กรณีที่มีการกระทําความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341
ประกอบด้วยลักษณะดังต่อไปนี้
* **แสดงตนเป็นบุคคลอื่น** เช่น แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจ หรือบุคคลอื่น
* **อาศัยความอ่อนแอของจิตใจ** ของผู้ถูกหลอกลวง ซึ่งเป็นเด็กหรือบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิต
**ทั้งนี้ ผู้กระทําความผิดจะต้องมีเจตนาที่จะหลอกลวงผู้อื่น** หากผู้กระทําความผิดไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกลวง
แต่ผู้เสียหายหลงเชื่อเอง จะไม่ถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
**ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน** ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 เป็นอีกกรณีที่จะได้รับโทษ
หนักกว่าความผิดฐานฉ้อโกงปกติ โดยเป็นกรณีที่การหลอกลวงนั้นทําต่อประชาชน ไม่ได้มุ่งหมายเจาะจงไปที่
บุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
**ตัวอย่างการฉ้อโกงประชาชน** เช่น การหลอกขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือ การชักชวนให้ร่วมลงทุน
ในธุรกิจที่ไม่มีอยู่จริง
#ทนายโตน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น