ความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสาร (มาตรา 188)


  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 เป็นกฎหมายที่กำหนดโทษสำหรับการทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายซึ่งเอกสารของผู้อื่น โดยเฉพาะเอกสารที่ใช้เป็นพยานหลักฐานทางกฎหมาย ความผิดฐานนี้ครอบคลุมการกระทำกับเอกสารหลายประเภท เช่น เช็คธนาคาร โฉนดที่ดิน สัญญากู้เงิน บัตรประชาชน หรือแม้แต่ข้อมูลบัตรเครดิต ตัวอย่างคดีจริงจากศาลฎีการวมถึง การขายเช็คแล้วเอากลับไป การหลอกเอาโฉนดคืนโดยไม่คืนเงิน และการใช้ข้อมูลบัตรเครดิตของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
  •  คดีอาญาแผ่นดิน vs คดีอันยอมความได้
  • มาตรา 188 เป็นคดีอาญาแผ่นดินที่ยอมความไม่ได้ ซึ่งแตกต่างจากคดีอันยอมความได้อย่างชัดเจน คดีอาญาแผ่นดิน คือคดีที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและความสงบเรียบร้อยของประเทศ ไม่ใช่เพียงผู้เสียหายคนเดียว จึงไม่สามารถยอมความได้ รัฐต้องดำเนินคดีต่อไปแม้ผู้สียหายจะให้อภัย ตัวอย่างอื่นๆ ได้แก่ ฆ่าคนตาย ชิงทรัพย์ ยาเสพติด และลักทรัพย์คดีอันยอมความได้ คือคดีที่ส่งผลกระทบเฉพาะผู้เสียหายเป็นหลัก สามารถตกลงกันเองและถอนฟ้องได้ เช่น ฉ้อโกง ยักยอก หมิ่นประมาท ทำให้เสียทรัพย์ และบุกรุกหลักสำคัญคือ ถ้าฎหมายไม่ได้ระบุว่า "ยอมความได้" จะถือว่าเป็นคดีอาญาแผ่นดินโดยอัตโนมัติ
  • สิทธิของผู้เสียหายหลังอัยการฟ้องแล้ว
  • เมื่ออัยการฟ้องคดีอาญาแผ่นดินแล้ว ผู้เสียหายมีสิทธิหลายประการแต่มีอำนาจจำกัด
  • สิทธิที่มี - เข้าร่วมเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการได้ (มาตรา 30) - ขอค่าสินไหมทดแทนพร้อมคดีอาญา (มาตรา 44/1) - เข้าฟังคดี นำเสนอพยาน และรับทราบผลคำพิพากษา
  • สิทธิที่ไม่มี- ไม่สามารถถอนฟ้องเองได้ – ไม่สามารถบังคับอัยการทำตามที่ต้องการ – ไม่สามารถยอมความยุติคดีได้ อัยการเป็นผู้นำคดีหลักที่ตัดสินใจกลยุทธ์และควบคุมทิศทางคดี ขณะที่ผู้เสียหายเป็นผู้สนับสนุนที่ให้ข้อมูลและพยานหลักฐาน
  •  การยื่นคำแถลงไม่ติดใจเอาความ แม้จะถอนคดีไม่ได้ แต่ผู้เสียหายสามารถยื่นคำแถลงไม่ติดใจเอาความต่อศาล เพื่อแจ้งว่าไม่ต้องการดำเนินคดีกับจำเลยอีกต่อไป
  • วิธีการที่ถูกต้อง1. เจรจากับจำเลยและตกลงเงื่อนไข 2. รับชำระค่าเสียหายก่อนเสมอ 3. ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน 4. ยื่นคำแถลงต่อศาลพร้อมหลักฐาน
  • ผลกระทบ สำหรับคดีอาญาแผ่นดิน แม้ยื่นคำแถลงแล้ว คดีก็ยังดำเนินต่อ แต่การให้อภัยสามารถใช้เป็นเหตุบรรเทาโทษได้
  •  เหตุบรรเทาโทษและการรอการลงโทษ
  • เหตุบรรเทาโทษ (มาตรา 78) คือเหตุผลที่ทำให้ศาลสามารถลดโทษให้จำเลยได้ถึงครึ่งหนึ่ง ได้แก่ มีความโฉดเขลา ตกอยู่ในความทุกข์ มีคุณความดีมาก่อน รู้สึกผิดและพยายามบรรเทาผลร้าย มอบตัว และให้ข้อมูลช่วยศาล
  • การให้อภัยของผู้เสียหายถือเป็นเหตุบรรเทาโทษได้ โดยเฉพาะเมื่อจำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ขอขมาอย่างจริงใจ และทำสัญญาประนีประนอม
  • การรอการลงโทษ (มาตรา 56) คือการที่ศาลตัดสินว่ามีความผิด แต่รอการลงโทษไว้ก่อน ให้โอกาสจำเลยปรับปรุงตัว หมายความว่าไม่ต้องติดคุกถ้าประพฤติดีตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น มาพบเจ้าหน้าที่เป็นประจำ มีงานทำ และชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหาย
  • เงื่อนไขสำคัญคือ โทษต้องไม่หนักเกิน 5 ปี และไม่เคยติดคุกมาก่อน หรือเคยติดคุกแต่ผ่านมาแล้วเกิน 5 ปี
  • ความแตกต่างระหว่างทั้งสองคือ เหตุบรรเทาโทษลดโทษลงครึ่งหนึ่งแต่ยังต้องรับโทษ ส่วนการรอการลงโทษรอโทษทั้งหมดและไม่ต้องรับโทษถ้าประพฤติดี
  •  ข้อควรระวังสำหรับผู้เสียหาย
  • 1. รับเงินก่อนเสมอ อย่าถอนฟ้องหรือให้อภัยก่อนได้รับเงินค่าเสียหาย เพราะถ้าถอนแล้วจะฟ้องใหม่ไม่ได้ หากเป็นการผ่อนชำระต้องมีหลักประกันมั่นคง 2. ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร สัญญาต้องระบุรายละเอียดคดี จำนวนเงิน วิธีชำระ และข้อความว่า "ผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีอีกต่อไป" เก็บสำเนาทุกอย่างรวมถึงใบเสร็จและหลักฐานการโอนเงิน 3. เข้าใจว่าถอนฟ้องแล้วย้อนกลับไม่ได้ เมื่อถอนฟ้องแล้วไม่สามารถฟ้องเรื่องเดิมอีกได้ แม้จำเลยจะไม่ทำตามสัญญา ฟ้องได้เพียงคดีแพ่งเรื่องผิดสัญญาเท่านั้น 4. ระวังการถูกกดดันหรือขู่เข็ญ คุณมีสิทธิ์ปฏิเสธการยอมความ ถ้าถูกข่มขู่ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที 5. พิจารณาทางเลือกอื่น สำหรับคดีมาตรา 188 วิธีที่ดีที่สุดคือไม่ถอนฟ้องแต่ร่วมกันขอศาลลดโทษแทน แจ้งว่าได้ชดใช้ค่าเสียหายแล้วและขอให้พิจารณารอการลงโทษ วิธีนี้ปลอดภัยกว่า ผู้เสียหายได้รับค่าเสียหายแน่นอน และจำเลยยังมีแรงจูงใจทำตามสัญญา

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้