ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญของไทย เกิดจากการเข้าถึงบริการทางการเงินที่จำกัด ทำให้ประชาชนต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้ผิดกฎหมายที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงและรูปแบบการทวงหนี้ที่ละเมิดสิทธิ ปัจจุบันรูปแบบการกระทำผิดได้วิวัฒนาการไปสู่ "การจำนำจอด" รถยนต์ที่ติดไฟแนนซ์ ซึ่งสร้างความเสี่ยงทางกฎหมายฐานยักยอกทรัพย์และรับของโจรแก่ผู้กู้และผู้รับจำนำ รวมถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์จาก "แอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อน" ที่มีการดูดข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อใช้ในการข่มขู่

ในด้านกฎหมาย ภาครัฐใช้เครื่องมือหลักคือ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 ซึ่งกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี สำหรับผู้ที่เรียกดอกเบี้ยเกินร้อยละ 15 ต่อปี และ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 เพื่อจัดการกับเครือข่ายอาชญากรรมทางเศรษฐกิจหรือแชร์ลูกโซ่ โดยมีบทลงโทษรุนแรงจำคุก 5-10 ปี

สำหรับการดำเนินการแก้ไขในช่วงปี 2566-2567 กระทรวงมหาดไทยได้เปิดลงทะเบียนและไกล่เกลี่ยหนี้ ซึ่งประสบความสำเร็จในการลดมูลหนี้รวมได้กว่า 1,126 ล้านบาท ควบคู่ไปกับการใช้กลไกตลาดผ่านสินเชื่อ Pico Finance และ Nano Finance ที่อนุญาตให้คิดดอกเบี้ยได้สูงสุด 33-36% ต่อปี เพื่อดึงเจ้าหนี้เข้าสู่ระบบและเพิ่มทางเลือกให้ลูกหนี้รายย่อย นอกจากนี้ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ได้ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยประชาชน Refinance ปิดหนี้นอกระบบอย่างเป็นรูปธรรม #ทนายโตน


 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้