การซื้อขายรถยนต์จะสมบูรณ์เมื่อมีการส่งมอบรถยนต์และมีการตกลงกันในเรื่องราคาและเงื่อนไขต่างๆ เป็นลายลักษณ์อักษiหรือในสัญญาซื้อขาย มีการตกลงกันในเรื่องราคาและเงื่อนไขต่างๆ หรือไม่? หากมีการตกลงกันในเรื่องดังกล่าว แม้จะยังไม่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร ก็อาจถือได้ว่ามีสัญญาซื้อขายเกิดขึ้นแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 453 ซึ่งกำหนดว่า "อันว่าซื้อขายนั้น คือ สัญญาซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่งเรียกว่า ผู้ขาย โอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่า ผู้ซื้อ และผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้น" หากมีการชำระเงินบางส่วนหรือทั้งหมด ก็อาจเป็นพยานหลักฐานสนับสนุนว่ามีการตกลงซื้อขายกันเกิดขึ้นแล้ว มีเจตนาจะซื้อขายหรือไม่? แม้จะรับรถยนต์มาแล้ว แต่หากไม่มีเจตนาจะซื้อขายกันตั้งแต่ต้น เช่น รับรถยนต์มาทดลองขับ ก็อาจไม่ถือว่ามีสัญญาซื้อขายเกิดขึ้น หากยังไม่มีการตกลงกันในเรื่องราคาและเงื่อนไข หรือไม่มีเจตนาจะซื้อขายกันตั้งแต่ต้น ท่านสามารถคืนรถยนต์ได้ โดยอาจต้องเจรจากับผู้ขายเพื่อตกลงเงื่อนไขในการคืนรถยนต์ เช่น ค่าเสียหายจากการใช้รถยนต์ หากมีการตกลงกันในเรื่องราคาและเงื่อนไขแล้ว ท่านอาจต้องเจรจากับผู้ขายเพื่อขอยกเลิกสัญญา ซึ่งอาจต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ขายตามที่ได้ตกลงกันไว้ หรือหากไม่ได้ตกลงกันไว้ ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายตามสมควรแก่กรณี หากผู้ขายไม่ยินยอมรับคืนรถยนต์หรือยกเลิกสัญญา ท่านอาจต้องดำเนินการทางกฎหมาย เช่น ฟ้องร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ขายรับคืนรถยนต์ หรือยกเลิกสัญญาซื้อขาย คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2541: กรณีที่ผู้ซื้อรับมอบรถยนต์ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ชำระราคาครบถ้วน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายยังไม่สมบูรณ์ ผู้ขายมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกคืนรถยนต์ได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5093/2541: กรณีที่ผู้ซื้อชำระเงินดาวน์และรับมอบรถยนต์ไปแล้ว แต่ผู้ขายไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ให้แก่ผู้ซื้อได้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกเงินดาวน์คืนได้พร้อมดอกเบี้ย #ทนายโตน #0945241915


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ญาติมาอาศัย