การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในไทยได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายหลายฉบับ
โดยกฎหมายสำคัญที่สุดคือพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560
ที่กำหนดเพดานดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี
หากเจ้าหนี้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท นอกจากนี้ยังมีพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้
พ.ศ. 2558 ที่ควบคุมวิธีการทวงหนี้เพื่อป้องกันการข่มขู่หรือคุกคามลูกหนี้
และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่กำหนดให้สัญญากู้ยืมเกิน 2,000
บาทต้องทำเป็นหนังสือ
พร้อมทั้งกฎหมายคุ้มครองการขายฝากที่ดินที่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนและสินไถ่ที่เป็นธรรม
กฎหมายเหล่านี้ร่วมกันคุ้มครองสิทธิของลูกหนี้และลงโทษเจ้าหนี้ที่กระทำผิดหน่วยงานรัฐหลายแห่งพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาหนี้นอกระบบ
โดยหน่วยงานหลักได้แก่
กรมสอบสวนคดีพิเศษที่รับผิดชอบสืบสวนและดำเนินคดีกับเจ้าหนี้ที่กระทำผิด
สำนักงานอัยการสูงสุดที่ให้คำปรึกษากฎหมายและทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยหนี้สิน
ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภายใต้กระทรวงมหาดไทยที่รับเรื่องร้องเรียน
และกรมบังคับคดีที่ดำเนินการเกี่ยวกับการยึดทรัพย์และชำระบัญชี
ลูกหนี้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้หลายช่องทาง เช่น โทรสายด่วนยุติธรรม 1111
กด 77 สายด่วนอัยการ 1157 ศูนย์ดำรงธรรม 1567 หรือลงทะเบียนออนไลน์ที่เว็บไซต์กระทรวงมหาดไทย
นอกจากนี้ยังมีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ สำนักงานยุติธรรมจังหวัด
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่พร้อมให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
ผู้ที่ได้รับผลกระทบมีทางเลือกหลายวิธีในการแก้ไขปัญหา
ทางแรกคือการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทผ่านหน่วยงานรัฐเพื่อเจรจาปรับโครงสร้างหนี้โดยไม่ต้องฟ้องร้อง
ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
ทางที่สองคือการต่อสู้คดีแพ่งโดยยื่นคำให้การต่อศาลเพื่อโต้แย้งสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
เช่น ดอกเบี้ยเกินอัตราหรือสัญญาที่ถูกบังคับทำ
ทางที่สามคือการดำเนินคดีอาญาโดยแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจหรือ DSI กรณีที่เจ้าหนี้กระทำผิด
เช่น เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ปลอมเอกสาร หรือข่มขู่กรรโชก
นอกจากนี้ยังสามารถวางทรัพย์ชำระหนี้ที่กรมบังคับคดีหรือสำนักงานที่ดินเพื่อไถ่ถอนทรัพย์สิน
หรือขอกู้สินเชื่อจากธนาคารรัฐเช่น ธนาคารออมสินเพื่อนำมาปิดหนี้นอกระบบ
สำหรับผู้ยากไร้ยังมีกองทุนยุติธรรมที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย #ทนายโตน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น