คำพิพากษาฎีกาที่ 540/2567 วินิจฉัยประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการฟ้องล้มละลายโดยเน้นที่ลักษณะของหนี้ที่สามารถนำมาฟ้องได้ ใจความสำคัญสรุปได้ดังนี้

  • หนี้ที่กำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน: แม้กฎหมายล้มละลายกำหนดว่าหนี้ที่นำมาฟ้องต้องเป็นหนี้ที่ “อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน” แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีคำพิพากษาศาลแพ่งมากำหนดจำนวนหนี้ที่แน่นอนเสียก่อน
  • ไม่จำเป็นต้องมีคำพิพากษาศาลแพ่งมาก่อน: เจ้าหนี้สามารถฟ้องล้มละลายได้ทันที หากสามารถระบุจำนวนหนี้ได้ชัดเจน แม้จะยังไม่มีคำพิพากษาศาลแพ่งมากำหนดจำนวนหนี้ก็ตาม
  • การตีความสัญญา: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยลักษณะของสัญญาและความสัมพันธ์ทางกฎหมายระหว่างคู่สัญญา แม้โจทก์จะฟ้องคดีโดยอ้างว่าเป็น "เงินกู้ยืม" แต่ศาลสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่าเป็นสัญญาประเภทอื่นที่มีผลผูกพันให้ลูกหนี้ต้องชำระหนี้ได้

การวิเคราะห์เชิงวิพากษ์

คำพิพากษานี้มีความสำคัญในการตีความกฎหมายล้มละลาย โดยเฉพาะประเด็นเรื่องลักษณะของหนี้ที่สามารถนำมาฟ้องล้มละลายได้ นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของศาลในการวินิจฉัยลักษณะของสัญญาและความสัมพันธ์ทางกฎหมาย

แนวทางต่อสู้คดี

หากคุณเป็นลูกหนี้ที่ถูกฟ้องล้มละลาย แนวทางต่อสู้คดีอาจเป็นดังนี้:

  1. โต้แย้งลักษณะของหนี้: หากหนี้มีลักษณะไม่แน่นอน หรือไม่สามารถกำหนดจำนวนได้ เช่น เป็นหนี้จากการละเมิด หรือหนี้ที่ยังมีข้อพิพาท สามารถใช้เป็นข้อต่อสู้ได้
  2. โต้แย้งจำนวนหนี้: หากไม่เห็นด้วยกับจำนวนหนี้ที่เจ้าหนี้อ้าง สามารถโต้แย้งและนำหลักฐานมาแสดงต่อศาล
  3. โต้แย้งความสามารถในการชำระหนี้: หากคุณสามารถแสดงให้เห็นว่าคุณมีความสามารถในการชำระหนี้ หรือมีแผนการชำระหนี้ที่เป็นไปได้ ศาลอาจพิจารณาไม่สั่งให้ล้มละลาย

ฎีกาที่เป็นประโยชน์

นอกจากฎีกาที่ 540/2567 แล้ว ยังมีฎีกาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและอาจเป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดี เช่น

  • ฎีกาที่ 1089/2530: ระบุว่าแม้เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งแล้ว แต่ก็ยังมีสิทธิฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา
  • ฎีกาที่ 371/2526: วินิจฉัยว่าหนี้ที่เกิดจากการผิดสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ถือเป็นหนี้ที่อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน และสามารถนำมาฟ้องล้มละลายได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ญาติมาอาศัย