ข่าว "ดราม่าทนายคนดัง" สะท้อนให้เห็นถึงจำเป็นที่ต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับค่าทนายความ : ปพพ. มาตรา 853 บัญญัติว่า "ค่าทนายความให้คิดคำนวณตามตารางท้ายประมวลกฎหมายนี้" ซึ่งเป็นอัตราที่ศาลกำหนดสำหรับการสั่งคดี ในกรณีที่คู่ความเรียกร้องจากอีกฝ่าย และกรอบที่ศาลจะพิพากษาให้ผู้แพ้คดีชดใช้ แต่มิใช่เกณฑ์การจ้างทนายความเอกชนตามข่าว ไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายนี้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาคดีที่เกี่ยวข้องกับค่าทนายความ เช่น ฎีกาที่ 5229/2544การคิดคำนวณค่าทนายความเป็นร้อยละจากจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทซึ่งกำหนดไว้แน่นอนนั้นไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ฎีกาที่ 5622/2530การคิดคำนวณค่าทนายความจากจำนวนที่จะได้รับตามคำพิพากษาเมื่อลูกความชนะคดี ถือเป็นสัญญาจ้างว่าความโดยวิธีแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความ จึงเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จะเห็นได้ว่าการกำหนดค่าทนายความนั้น ไม่มีกฎตายตัว ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความยากง่ายของคดี ระยะเวลาในการดำเนินคดี ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ...
บทความ
กำลังแสดงโพสต์จาก ตุลาคม, 2024
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
การซื้อขายรถยนต์จะสมบูรณ์เมื่อมีการส่งมอบรถยนต์และมีการตกลงกันในเรื่องราคาและเงื่อนไขต่างๆ เป็นลายลักษณ์อักษiหรือในสัญญาซื้อขาย มีการตกลงกันในเรื่องราคาและเงื่อนไขต่างๆ หรือไม่? หากมีการตกลงกันในเรื่องดังกล่าว แม้จะยังไม่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร ก็อาจถือได้ว่ามีสัญญาซื้อขายเกิดขึ้นแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 453 ซึ่งกำหนดว่า "อันว่าซื้อขายนั้น คือ สัญญาซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่งเรียกว่า ผู้ขาย โอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่า ผู้ซื้อ และผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้น" หากมีการชำระเงินบางส่วนหรือทั้งหมด ก็อาจเป็นพยานหลักฐานสนับสนุนว่ามีการตกลงซื้อขายกันเกิดขึ้นแล้ว มีเจตนาจะซื้อขายหรือไม่? แม้จะรับรถยนต์มาแล้ว แต่หากไม่มีเจตนาจะซื้อขายกันตั้งแต่ต้น เช่น รับรถยนต์มาทดลองขับ ก็อาจไม่ถือว่ามีสัญญาซื้อขายเกิดขึ้น หากยังไม่มีการตกลงกันในเรื่องราคาและเงื่อนไข หรือไม่มีเจตนาจะซื้อขายกันตั้งแต่ต้น ท่านสามารถคืนรถยนต์ได้ โดยอาจต้องเจรจากับผู้ขายเพื่อตกลงเงื่อนไขในการคืนรถยนต์ เช่น ค่าเสียหายจากการใช้รถยนต์ หากมีการตกลงกันในเรื่อง...
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
การขายตรงและตลาดขายตรง: บทวิเคราะห์เชิงกฎหมาย การขายตรงและตลาดขายตรงเป็นรูปแบบการค้าที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากมีความสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย อย่างไรก็ตาม รูปแบบการค้านี้ก็มีโอกาสที่จะเกิดการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคได้เช่นกัน ดังนั้น กฎหมายจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแล เพื่อสร้างความเป็นธรรมและความสงบเรียบร้อยในสังคม 1. ความหมายและขอบเขตของการขายตรงและตลาดขายตรง พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ให้คำนิยาม "การขายตรง" หมายถึง การเสนอขายสินค้าหรือบริการโดยวิธีการที่มิใช่การขายปลีก ซึ่งผู้ขายมิได้ตั้งอยู่ในสถานที่ขายเป็นประจำ ส่วน "ตลาดแบบตรง" หมายถึง การเสนอขายสินค้าหรือบริการโดยวิธีการใช้จดหมาย โทรศัพท์ โทรสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ หรือวิธีการอื่นใดในการติดต่อกับผู้บริโภคโดยตรง จากคำนิยามดังกล่าว จะเห็นได้ว่า การขายตรงเน้นที่ "วิธีการ" ในการเสนอขายที่ไม่ใช่การขายปลีกในสถานที่ตั้งเป็นประจำ เช่น การขายตรงแบบชั้นเดียว การขายตรงแบบหลายชั้น ส่วนตลาดแบบตรงเน้นที่ "ช่องทาง" ในการต...
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
การไม่แจ้งออกและไม่จ่ายค่าเช่างวดสุดท้าย: ผลทางกฎหมายและแนวทางแก้ไข จากกรณีศึกษาข้างต้น เกิดประเด็นปัญหาทางกฎหมายที่น่าสนใจ 3 ประการ ได้แก่ 1. การสิ้นสุดสัญญาเช่า หลักกฎหมาย: สัญญาเช่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน ผู้เช่ามีหน้าที่ชำระค่าเช่า ผู้ให้เช่ามีหน้าที่ให้เช่าทรัพย์สิน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 537 การบอกเลิกสัญญาเช่าต้องกระทำตามที่กฎหมายกำหนดหรือตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา (ป.พ.พ. มาตรา 563) หากสัญญาเช่าไม่ได้กำหนดวิธีการบอกเลิกไว้ ให้บอกกล่าวล่วงหน้า 1 งวด (ป.พ.พ. มาตรา 564) วิเคราะห์: กรณีนี้ไม่ได้ระบุว่ามีการตกลงเรื่องการบอกเลิกสัญญาไว้ในสัญญาอย่างไร การที่ผู้เช่าไม่ได้แจ้งออกอาจถือเป็นการผิดสัญญาเช่า ทำให้สัญญาเช่ายังไม่สิ้นสุดลง ผู้เช่ายังคงมีภาระผูกพันต้องชำระค่าเช่าต่อไปจนกว่าจะบอกเลิกสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาที่เกี่ยวข้อง: ฎีกาที่ 1372/2505 “จำเลยเช่าบ้านโจทก์อยู่ ต่อมาจำเลยออกจากบ้านเช่าโดยมิได้บอกเลิกสัญญา จำเลยต้องรับผิดชำระค่าเช่าบ้านแก่โจทก์ต่อไปจนกว่าโจทก์จะนำบ้านเช่าออกให้เช่าแก่บุคคลอื่นได้” 2. การหักเงินมัดจำ หลักกฎหมาย: เงินมัดจำมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักปร...
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการตามคำสั่งศาลเพื่อยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าของบัญชีจะไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆ กับบัญชีดังกล่าวได้ 1. สาเหตุของการอายัดบัญชี การอายัดบัญชีธนาคารมักเกิดขึ้นเมื่อลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามคำพิพากษาเจ้าหนี้จึงมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ ซึ่งรวมถึงเงินฝากในบัญชีธนาคารโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินในบัญชีไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่งพ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 มาตรา 294บัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อยึด อายัดหรือขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ 2. แนวทางการดำเนินการเมื่อบัญชีถูกอายัด ยื่นคำร้องต่อศาล: ในกรณีที่ไม่สามารถตกลงกับเจ้าหนี้ได้ และเห็นว่าการอายัดบัญชีไม่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งอายัด หรือขอให้ปล่อยอายัดบางส่วนได้ เช่น ฎีกาที่ 648/2525 วินิจฉัยว่า "การที่ศาลสั่งอายัดเงินฝากของจำเลยเกินกว่าจำนวนหนี้ที่โจทก์ฟ้อง เป็นการไม่ชอบ จำเลยย่อมมีสิทธิขอให้ปล่อยอายัดเงินฝากส่วนที่เกิน" #ทนายโตน...
ญาติมาอาศัย
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ญาติมาอาศัยบ้าน ไล่ไม่ยอมออกไป ปพพ มาตรา 1336 บัญญัติว่า เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิใช้สอย ทำประโยชน์ จำหน่าย หรือทำลายทรัพย์สินของตน และมีสิทธิที่จะไม่ใช้สอย ไม่ทำประโยชน์ หรือไม่จำหน่ายทรัพย์สินนั้นก็ได้" มาตรา 1340 บัญญัติว่า "บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี บุคคลนั้นก็ได้กรรมสิทธิ์" ป.อาญา มาตรา 358 บัญญัติว่า "ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์" เจ้าของบ้านสามารถฟ้องคดีแพ่ง โดยเรียกร้อง ขอให้ศาลสั่งห้ามมิให้ผู้อาศัยล็อคบ้าน โดยอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 เรียกค่าเสียหาย หากพิสูจน์ได้ว่าการล็อคบ้านนั้น ทำให้เจ้าของบ้านเสียหาย เช่น เสียโอกาสในการปล่อยเช่า เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี แจ้งความดำเนินคดีอาญา หากการกระทำของผู้อาศัยเข้าข่ายความผิดอาญา เช่น ทำให้เสียทรัพย์ หรือ ข่มขืนใจ เจ้าของบ้านสามารถแจ้งความต่อพนักงานสอบสว...
หน่วยการใช้
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ได้นำ “หน่วยการใช้” และ “สารบริสุทธิ์” มาเป็นเกณฑ์สำคัญในการพิจารณาโทษ ซึ่งมีความหมายและผลทางกฎหมายที่แตกต่างจากกฎหมายเดิม หน่วยการใช้ หมายถึง ปริมาณของยาเสพติดที่ผู้เสพทั่วไปใช้เสพในแต่ละครั้ง ซึ่งกำหนดไว้ใน ตารางท้ายประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยยาเสพติดแต่ละชนิดจะมีจำนวนหน่วยการใช้แตกต่างกันไป เช่น เฮโรอีน 0.1 กรัม เท่ากับ 1 หน่วยการใช้ โคเคน 0.1 กรัม เมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด เท่ากับ 1 หน่วยการใช้ สารบริสุทธิ์ ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 กำหนด ปริมาณสารบริสุทธิ์ขั้นต่ำ ที่ต้องถูกลงโทษไว้ใน ตารางท้ายประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งแตกต่างกันไปตามชนิดของยาเสพติด หากมีปริมาณสารบริสุทธิ์ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด จะไม่ถือว่าเป็นความผิด ตัวอย่างเช่น เฮโรอีน: ต้องมีสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 1 กรัมขึ้นไป เมทแอมเฟตามีน: ต้องมีสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 0.5 กรัมขึ้นไป โคเคน: ต้อ...
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2562 มีประเด็นสำคัญในเรื่อง อายุความ มูลละเมิด และ หนี้มรดก ซึ่งศาลฎีกาได้วินิจฉัยประเด็นปัญหาสำคัญไว้ 3 ประเด็น ดังนี้ 1. การเริ่มนับอายุความในมูลละเมิด: ศาลฎีกายืนยันหลักการว่า การนับอายุความในมูลละเมิดต้องเริ่มนับ "แต่วันที่เกิดความเสียหายเป็นวันที่รู้ถึงการละเมิด" มิใช่นับแต่วันที่รู้ถึงการ กระทำผิดกฎหมาย ซึ่งสอดคล้องกับ ป.พ.พ. มาตรา 420 ที่บัญญัติให้ผู้ทำละเมิดต้องรับผิด "ใช้ค่าสินไหมทดแทน" ก็ต่อเมื่อ "เกิดความเสียหาย" ขึ้นจริง การกระทำที่เป็น "การละเมิด" ตาม ป.พ.พ. มาตรา 420 จะต้องประกอบด้วย 1) การกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ 2) การกระทำที่ผิดกฎหมาย และ 3) ทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น 2. หนี้มรดกจากมูลละเมิด: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนี้ที่เกิดจากมูลละเมิดที่ บ. (ผู้ตาย) ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำไว้ก่อน บ. ถึงแก่ความตายนั้น ถือเป็น "หนี้มรดก" ที่ตกทอดแก่ทายาทของ บ. ซึ่งทายาทต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ แต่ไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ได้รับ หลักการนี้สอดคล้องกับ ป.พ.พ. มาตรา 1601 ...
สินค้าไม่ตรงปก
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
"สินค้าไม่ตรงปก" ผู้บริโภคมักพบเจอคือการได้รับสินค้าไม่ตรงกับที่โฆษณาหรือที่สั่งซื้อ สินค้าที่ได้รับแตกต่างจากที่ผู้ขายได้แสดงหรือโฆษณาไว้ ซึ่งอาจรวมถึงลักษณะภายนอก ขนาด สี คุณภาพ หรือคุณสมบัติอื่น ๆ ของสินค้า ความแตกต่างนี้อาจเกิดจากความจงใจหรือความผิดพลาดของผู้ขายก็ได้ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 4 บัญญัติให้ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับข่าวสาร รวมถึงข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าและบริการ มาตรา 5 บัญญัติให้ผู้บริโภคมีสิทธิเลือกซื้อสินค้าและบริการ โดยปราศจากการถูกบังคับหรือชักจูงใจด้วยวิธีการที่ไม่เป็นธรรม มาตรา 8 บัญญัติให้ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ มาตรา 10 บัญญัติให้ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 บัญญัติว่า "ถ้าทรัพย์สินซึ่งขายนั้นไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้ ไซร้ ท่านว่าผู้ขายต้องรับผิดชอบในความชำรุดบกพร่องนั้น" มาตรา 472 บัญญัติว่า "ถ้าทรัพย์สินซึ่งขายนั้นไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้ ผู้ซื้อจะปฏิเสธการรับทรัพย์สินนั้นก็ได้" ฎีกา 1199/2535 ศา...
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
การล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาว หมายถึง การกระทำของชายอื่นที่แสดงออกซึ่งความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับภริยา ไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ก็ตาม เช่น การแตะเนื้อต้องตัว การจูบ การกอดจูบลูบคลำ การหยอกล้อเกี้ยวพาราสี การแสดงความรักในที่สาธารณะ การกระทำเหล่านี้ต้องเกินกว่าขอบเขตที่วัฒนธรรมไทยจะรับได้ ปพพ. มาตรา 1523 วรรคสอง บัญญัติว่า "สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้" ฎีกาที่ 669/2518 วินิจฉัยว่า การที่ชายอื่นนอนกอดภริยา แม้จะไม่ได้ร่วมประเวณี ก็ถือว่าเป็นการล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาว สามีมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนฎีกาที่ 532/2521 วินิจฉัยว่า การที่ชายอื่นแตะต้องเนื้อตัวภริยา จูบ และกอด เป็นการล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาว สามีมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนได้ หากมีการร่วมประเวณี ย่อมถือว่าเป็นการล่วงเกินภริยาในทำนองชู้สาวที่ชัดเจนและร้ายแรงที่สุด การล่วงเกินโดยไม่เปิดเผย การล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาว ไม่จำเป็นต้องทำโดยเปิดเผย การแอบคบหาหรือมีความสัมพันธ์กันลับ ๆ สามีก็มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนได้ กรณีภริยาแสดงตนโดยเปิดเผยว่าคบหาหรือเป็นคนรักกับชายชู...
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
"พรากผู้เยาว์" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 หมายถึง การที่บุคคลใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล องค์ประกอบความผิด องค์ประกอบภายนอก ผู้กระทำต้อง "พราก" เด็กไปจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เด็กต้องมีอายุยังไม่เกินสิบห้าปี องค์ประกอบภายใน ผู้กระทำต้องมีเจตนา การวิเคราะห์ คำว่า "พราก" ฎีกาที่ 3152/2543 ให้ความหมาย "พราก" ว่า เอาไป พาไป หรือแยกเด็กออกจากความชอบธรรมของผู้ที่ปกครองดูแลเด็กนั้น การชักชวนและเด็กไปโดยสมัครใจก็เป็นการพรากอย่างหนึ่ง "โดยปราศจากเหตุอันสมควร" หมายถึง ไม่มีเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น การลักพาตัวเด็กไป การพาเด็กหนี "บิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล" หมายถึง บุคคลตามกฎหมายที่มีอำนาจปกครองดูแลเด็กนั้น ฎีกาที่เกี่ยวข้อง ฎีกาที่ 1174/2558 ความผิดฐานพรากเด็กหรือพรากผู้เยาว์... ฎีกาที่ 1087/2520 ผู้เยาว์อายุ 14 ปี หนีออกจากบ้านมารดาไปเป็นลูกจ้างอยู่ร้านค้าทองได้ 5 วัน ก็ถูกล่อลวง นำไปขายให้กับจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของและผู้จัดการสถา...
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
การโอนเงินมาให้โดยระบุว่า "ให้เอาไปใช้ได้เลย" ถือว่าเป็นการให้โดยเสน่หาและไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินคืนตามมาตรา 528 ที่กำหนดว่า "การให้โดยเสน่หา เมื่อสมบูรณ์แล้วจะไม่สามารถเพิกถอนได้" เว้นแต่มีเหตุที่ระบุในมาตรา 531 เช่น การให้โดยมีเงื่อนไขผิดพลาด การให้เพื่อกระทำผิดกฎหมาย หรือผิดศีลธรรม การที่อีกฝ่ายได้โอนเงินหลายครั้ง และแม้ผู้รับจะพยายามคืนแต่ผู้ให้ไม่รับ ถือว่าเป็นการให้โดยเสน่หาที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ผู้ให้ไม่มีสิทธิที่จะเรียกเงินคืนภายหลัง กรณีที่อีกฝ่ายอ้างว่าเป็นการโอนผิดบัญชี ซึ่งอาจเข้าข่ายตามมาตรา 1376 ที่ว่า "ถ้าทรัพย์สินตกไปถึงบุคคลหนึ่งโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นต้องคืนให้แก่เจ้าของ" การเรียกร้องนี้จะต้องมีหลักฐานชัดเจน คำพิพากษาฎีกาที่ 4527/2541 ศาลได้ตัดสินว่า "การให้โดยเสน่หานั้น เมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สินแก่ผู้รับแล้ว ย่อมสมบูรณ์ และผู้ให้ไม่มีสิทธิที่จะเรียกคืนทรัพย์สินนั้น" #ทนายโตน
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ได้รับข้อความข่มขู่ว่าจะฆ่าจากแฟนเก่า ประกอบกับการบอกว่าจะมาหาถึงที่ทำงานจนทำให้เกิดความกลัว ไม่กล้าไปทำงาน ประเด็นทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีดังนี้ 1. ความผิดฐานข่มขู่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 บัญญัติว่า "ผู้ใดข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย ผู้อื่น โดยทำให้กลัวว่าจะทำร้ายนั้นจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท" องค์ประกอบความผิด มีการข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย การข่มขู่นั้นทำให้ผู้ถูกข่มขู่เกิดความกลัวว่าจะถูกทำร้ายจริง 2. ข้อความแชทเป็นพยานหลักฐานได้ พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 มาตรา 7 บัญญัติว่า "ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่สร้างขึ้น ส่ง รับ หรือเก็บรักษาไว้ โดยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีลักษณะ ดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นเอกสาร ตามกฎหมายว่าด้วย หลักฐาน" ข้อความแชทที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือ ถือเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อความแชทดังกล่าวสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีได้ 3. ฎีกาที่เกี่ยวข้อง ฎีกาที่ 1363/2505 “จำเลยพูดข่มขู่ผู้เสียหายว่า มึงจะเอาอย่างไร กูจะแทงให้ไส้ไหล โดยจำเลยถือมีดปลายแหลมอยู่ใ...